วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ซ่อมเครื่องรถโดนน้ำท่วมเอง

รถที่โดนน้ำท่วมนั้น โดยเฉพาะเรื่องเข้าคิวซ่อมกันยาวเยียดจนช่างเครื่องหลายท่าน ต่างก็มาเล่าให้เราฟังว่า บางครั้งคุณก็สามารถทำเองได้ไม่ต้องถึงมือช่าง


--> --> อันที่จริงหากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ เราได้แนะนำคุณเรื่องน้ำท่วมกันไปมากมาย ทั้งในเรื่องการดูแล ก่อนและหลัง จนกระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่เราให้เพื่อนๆ ส่งถึงมือช่าง แต่ในบางกรณีที่ไม่ร้ายแรงมากนัก เราเองก็พอจะสามารถซ่อมรถตัวเองได้ ให้สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างเป็นปกติสุข แถมยังลดค่าใช้จ่าย แต่ขอเตือนก่อนว่างานนี้ไม่หมูแน่นอนครับ


เตรียมเครื่องมือ

เอาเป็นว่าไม่ต้องไถ่ถาม แต่ก่อนที่เราจะทำอะไรก็ตามเราก็อาจจะต้องเตรียมความพร้อมเล็กน้อย โดยเฉพาะ เครื่องมือ ซึ่ง หลักๆ ก็ไม่มีอะไรมากมา นัก ขอให้เตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้

1.เครื่องเป่าลมแรงดันสูง / ไดร์เป่าผม (ยืมคุณแฟนมาใช้ก่อน)
2.ชุดบล็อกและ บล็อกขันหัวเทียน
3.ประแจเบอร์ 10 ,12 และ14 ม.ม.
4.น้ำมันเครื่อง 1 ลิตร เกรดธรรดาก็ได้
5.ไขควง 4 แฉกและปากแบน เผื่อได้ใช้
6.ถุงมือผ้า
7.ผ้าสะอาด

ได้เวลาลงมือแล้ว

เมื่อเตรียมเครื่องมือครบแล้วก็ได้เวลาที่เราจะลงมือซ่อม ซึ่งการซ่อมรถนั้นเราต้องทำการป้องกันตัวเองจากการบาดของสิ่งต่างๆ ด้วยถุงมือ ทำให้มือเรานั้นไม่แหก แล้วก็ค่อนลงมือทำตามขั้นตอน ที่ช่างทุกคนก็ทำเหมือนๆกับที่เรานี่แหละ เว้นในกรณีหนักข้อจริงๆ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าในกรณีนี้เป็นการซ่อมเครื่องยนต์สำหรับรถที่ถูก น้ำท่วมเป็นระยะเวลาไม่นานมาก มีระดับน้ำที่ไม่สูงมากนัก เต็มที่ประมาณแค่ครึ่งประตู ซึ่งก็เป็นระดับที่หลายคนมักจะเจอๆกัน ในมหาอุทกภัยที่ผ่านมา

ขั้นแรก เปิดประตูรถและเปิดห้องเครื่อง จากนั้น ทำการจัดการเศษขยะต่างๆ ถ้ามีหลงเหลือในห้องเครื่อง ให้ทำการขจัดให้หมด พร้อมตรวจสอบระดับน้ำสูงที่สุดเพื่อประเมินความเสียหาย ก่อนที่เราจะเริ่มขั้นต่อไป
ขั้นที่ 2 ตรวจสอบการปนเปื้อนของน้ำมันเครื่อง - น้ำมันเบรค น้ำมันพวงมาลัยผ่อนแรง และน้ำมันคลัทช์สำหรับเกียร์ธรรมดาว่า มีลักษณ์เป็นโคลนหรือไม่ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องนั้นให้ดึงไม้ซ้ำหลายๆครั้งเพื่อความมั่นใจ ถ้ามีลักษณะเป็นนมโคลน แสดงว่ามีน้ำในระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ ซึ่งเกินความสามารถเราต้องส่งมือช่าง แต่ถ้าไม่ก็เดินหน้าต่อไป
ขั้นที่ 3 หลังจากตรวจสอบแน่แล้วว่าไม่มีการปนเปื้อนในส่วนของระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ ก็ได้เวลาที่เราจะนำน้ำออกจากเครื่องยนต์ ซึ่งอาจจะมีการซึมเข้าไปในห้องเผาไหม้ และมันคือสาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติด
การ นำน้ำออกจากเครื่องยนต์นั้น เราต้องหาจุดที่เข้าถึงห้องเผาไหม้ ซึ่งในเครื่องยนต์เบนซินนั้นคือหัวเทียน แต่กลับกันในเครื่องยนต์ดีเซลอาจจะยุ่งยากสักหน่อย เพราะคุณต้องถอดหัวฉีดหรือหัวเผาออกมาถึงจะเข้าถึงห้องเผาไหม้ได้ ซึ่งไม่ว่ายังไง จงใช้ความระมัดระวัง อย่าทำความเสียหาย แก่ตัวปลั๊กคอยย์และปลั๊กฟัวฉีด
ขั้นที่ 4 เมื่อสามารถเข้าถึงห้องเผาไหม้ ก็เราได้เวลาไล่น้ำออกจากห้องเผาไหม้ โดยวิธีนั้นก็ไม่ยุ่งยากมาก หลักๆคือการใช้เครื่องเป่าลมส่งอากาศลงไปไล่น้ำออกมาให้หมด ทำให้ครบทุกสูบ แต่ถ้าออกไม่หมดเสียทีเดียวก็ไม่ต้องกังวล ที่เหลือให้ความร้อนใครื่องยนต์จัดการได้ แต่เราเอา ส่วนใหญ่ออกมาเพื่อให้ลูกสูบเดินได้สะดวกขึ้น
ขั้นที่ 5 หลังจากนำน้ำออกมาเรียบร้อยก็ได้เวลาที่เรา จะจัดการเคลือบผนังกระบอกสูบ ซึ่ง เราไม่แน่ใจว่าจะมีน้ำเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด และการเคลือบผนังนั้นทำให้กระบอกสูบไม่เป็นรอยจากการเสียดสีของชุดแหวนลูก สูบ ซุ่งไม่ได้ผ่านการใช้งานมานาน ให้เติมน้ำมันเครื่อง ปริมาตรเล็กน้อยประมาณ 1/2 ฝา ต่อ 1 สูบ ลงไปในห้องเผาไหม้ จากนั้นปิดหัวฉีด/หัวเทียนกลับ เป็นอันจบพิธี

ขั้นที่ 6 เมื่อประกอบทุกสิ่งเสร็จเรียบร้อย ก็อย่าลืมเช็ค เครื่องมือ เช่นเดียวกันน้ำมันต่างๆอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ จากนั้น ต่อขั้วแบตเตอร์รี่กลับหากถอดทิ้งไว้ เพื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์

ในการสตาร์ทเครื่องยนต์รถที่ถูกน้ำท่วมนั้น จำไว้ว่า อย่าสตาร์ทแบบลากยาวเมื่อบิดกุญแจแล้วควรตรวจสอบไฟสตาร์ทต่างๆ โดยเฉพาะ Malfunction light ซึ่งจะเป็นไฟสีส้ม ซึ่งจะบ่งบอกความเสียหายในส่วนอื่น และเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดอย่าเพิ่งเร่งเครื่องยนต์ในทันที และอย่าตกใจกับควันขาวที่ออกมาจากท่อไอเสีย เพราะควันขาวนั้นเกิดจากนั้นที่อยู่ในกระบอกสูบ และน้ำมันเครื่องที่เราส่งไปเคลือบกระบอกสูบ
ที่เหลือก็แค่ เดินเครื่องไว้สักพักตรวจสอบความเสียหายในส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะเบรคที่อาจจะติดได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหา ก็เคลื่อนรถไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่อู่และศูนย์บริการ เผื่อจะพบปัญหาอื่นๆ และรีบถ่ายน้ำมันต่างๆที่ถูกน้ำท่วมทิ้งทันทีที่มีโอกาส

ขอบคุณข้อมูลจาก สนุกดอทคอม

การทำสีรถ ด้วยตัวเราเอง

บางครั้้ง เราไม่เฉี่ยวไปครูดกับอะไรมาก็ตามแต่ ฝากรอยกลับมาด้วยถ้าไม่หนักเกินไป ไม่ต้องไปจ้างอู่ครับเพราะเวลาไปจ้างอู่ทำ บางครั้ง ต้องจอดรอเป็นอาทิตย์ ถ้าทำเอง หากยังไม่เสร็จ ก็ออกไปงานเราก่อนใด้กลับมาก็ทำต่อ ทำให้ไม่เสียโอกาส ในกรณีย์ที่เรามีรถน้อยคัน

การทำสีที่ผมบอก ก็แค่เล็กน้อยนะ ไม่เก่งเหมือนอู่ใหญ่ๆหรอกหากเป็นเล็กแค่ไม่กี่ตารางนิ้ว ให้แก้เองเลยอย่างเป็นแนวสีถลอกยาวซัก1คืบ ก็ทำเองเลยไปจ้างเขาทำก็ขั้นต่ำ1500บาท+เสียโอกาสที่รถเราไม่มีไช้หากทำเอง ไม่กี่ร้อยบาทสีก็ไปเทียบที่้ร้านผสมสี ให้เอาถอดฝาถังน้ำมันไปที่ร้านผสมสีเขาจะเทียบให้เป๊ะๆ แถวบ้านผม กระป๋องละ800 ถ้าเราต้องการน้อยก็ผสมแค่ครึ่งกระป๋องพอ

ขั้นตอนนะครับ
1.เตรียมรถที่ต้องการทำพื้นโดยล้างทำความสะอาดและถอดชิ้นส่วนที่ไม่ต้องการพ่นสีออก
2. ทำความสะอาดขจัด คราบไขมัน  คราบยาขัด  คราบแวกช์ ซิลิโคนและสิ่งสกปรกต่างๆ   โดยใช้นํ้ายาเช็ดคราบ
3. เคาะตกแต่งบริเวณที่มีรอยบุกหรือรอยรักยิ้ม
4. เมื่อเคาะตกแต่งเรียบร้อยแล้ว  ใช้กระดาษทรายนํ้าเบอร์ 100 (ไม่ต้องใช้นํ้า) หรือจะใช้ผ้าทรายก็ได้ขัดแต่งบริเวณที่เคาะให้กว้างออกมา  เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการโป็วทับของสีโป๊วพลาสติก
5. ใช้สีโป๊วพลาสติกโป๊วทับบริเวณที่ได้เคาะตกแต่งไว้จนกว่าจะเรียบ เมื่อเสร็จแล้วทิ้งไว้เพื่อให้สีโป๊วแห้งตัว
6. ใช้กระดาษทรายนํ้าเบอร์ 100 - 150 ขัดแต่งสีโป๊วจนเรียบเป็นที่น่าพอใจ   (ในการขัดแต่งต้องใช้  ไม้รองขัด รองกระดาษทรายเพื่อให้หน้าสำผัสของกระดาษสมํ่าเสมอในการขัดแต่งเทคนิค   ในขณะขัดแต่งให้ใช้้มือลูบบริเวณที่ขัดกับพื้นที่ใกล้เคี่ยงดูว่าเรียบเสมอกันหรือไม่ พื้นที่ที่ขัดแต่งต้องไม่เป็นคลื่น 
7. ในพื้นที่ที่เป็นสีเดิมให้ใช้กระดาษทรายนํ้าเบอร์ 320 ขัดแต่งให้ทั่วบริเวณที่จะพ่นสีรองพื้น
8. ติดกระดาษปิดบังในส่วนที่ไม่ต้องการพ่นสี
9.  นำรถเข้าห้องพ่นสีและติดกระดาษปิดบังในส่วนที่ไม่ต้องการพ่นสี
10. ใช้ลมเป่า   เพื่อไล่ฝุ่นละอองออกจากชิ้นงาน
11. ทำความสะอาดชิ้นงานด้วยนํ้ายาเช็ดคราบ
12. ใช้ลมเป่า   เพื่อไล่ฝุ่นละอองและความชื้น
13. ใช้ผ้าเหนียว ( Tack Cloth )   ลูบเบาๆบนชิ้นงาน   เพื่อจับฝุ่น
14. นำสีรองพื้นที่ต้องการมาพ่น   2 - 3  เที่ยว  โดยให้ศึกษาจากคำแนะที่ผู้ผลิตชี้แจง   และทิ้งไว้จนสีรองพื้นแห้งสนิท
15  ในการขัดสีรองพื้นเพื่อเตรียมสำหรับพ่นสีจริง แนะนำให้ใช้กระดาษทรายนํ้าเบอร์  800 - 1,000 เทคนิคที่น่าสนใจระหว่างที่พ่นสีรองพื้นเสร็จแนะนำให้นำสีที่มีเชดสีที่เข้มกว่าสีรองพื้น เช่น  สีดำ  มาผสมกับทินเนอร์ให้ใสแล้วนำมาพ่นทับบนสีรองพื้นบางๆประมาณ  1 เที่ยวพ่นให้เป็นหมวกบางๆอย่าพ่นหนาเวลาขัดออกจะขัดออกยากเทคนิคนี้จะช่วยให้เราขัดสีรองพื้นได้ทั่วและเรียบ   เพราะถ้าบริเวณไหนที่เรายังขัดไม่ถึง ก็จะมีละอองสีติดอยู่ให้เราเห็นทำตามนี้ได้รับรองคุณไม่ต้องจ้างอู่แล้วครับ เผื่อใครขนเครื่องเสียงขากลับ เมาแล้วไปเฉี่ยวเขาเข้าครับ